วันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

อินเทอเน็ตในประเทศไทย


อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย
การเชื่อมต่อเข้าสู่อินเทอร์เน็ตของประเทศไทยมีจุดกำเนิดมาจากเครือข่ายคอมพิวเตอร์ระหว่างมหาวิทยาลัย หรือที่เรียกว่า "แคมปัสเน็ตเวอร์ก" ( Campus Network ) เครือข่ายดัง กล่าวได้รับการสนับสนุนจาก "ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ" ( NECTEC ) จนกระทั่งได้ เชื่อมเข้าสู่อินเทอร์เน็ตโดยสมบูรณ์ในเดือนสิงหาคม ปี พ.ศ.2535 พัฒนาการ ประเทศไทยได้เริ่มติดต่อกับอินเทอร์เน็ตโดยใช้ E-mail ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2530 โดยเริ่มที่ "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่" เป็นแห่งแรก และสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย ภายใต้ความร่วมมือระหว่างไทยและออสเตรเลียในช่วงเวลาต่อมา ในขณะนั้นยังไม่ได้มีการเชื่อมต่อ แบบ On-line หากแต่เป็นการแลกเปลี่ยนข่าวสาร ด้วย E-mail โดยใช้ระบบ MSHnet ละ UUCP โดยทางออสเตรเลียจะโทรศัพท์เชื่อมเข้ามาสู่ระบบวันละ 2 ครั้ง ในปีถัดมา NECTEC ซึ่งอยู่ภายใต้ กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและการพลังงาน ( ชื่อเดิมในขณะนั้น ) ได้จัดสรรทุนดำเนินโครงการ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ของสถาบันอุดมศึกษา โดยแบ่ง โครงการออกเป็น 2 ระยะ การดำเนินงานใน ระยะแรกเป็นการเชื่อมโยง 4 หน่วยงาน ได้แก่
- กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ
- จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย
- สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าวิทยาเขตเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
ระยะที่สองเป็นการเชื่อมต่อสถาบันอุดมศึกษาที่เหลือ คือ
- มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
- มหาวิทยาลัยมหิดล
- มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
- สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าวิทยาเขตธนบุรี
- สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าวิทยา เขตพระนครเหนือ
- มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
- มหาวิทยาลัยขอนแก่น
- มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่

เดือนธันวาคม ปี พ.ศ. 2534 คณะทำงานของ NECTEC ร่วมกับกลุ่มอาจารย์และ นักวิจัยจากสถาบันอุดมศึกษาได้ก่อตั้งกลุ่ม NEWgroup ( NECTEC E-mail Working Group) เพื่อ ประสานงานและแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารด้วย E-mail โดยยังคงอาศัยสถาบัน เทคโนโลยีแห่งเอเชียเป็นทางออกสู่อินเทอร์เน็ตผ่านทางออสเตรเลีย ปี พ.ศ.2538 รัฐบาลไทยได้ประกาศให้เป็นปีแห่งเทคโนโลยีสารสนเทศ(Information Technology Year ) เนื่องจากตระหนักถึงความสำคัญของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และการสื่อสารข้อมูลใน ขณะเดียวกันก็มีการดำเนินการจัดวางเครือข่ายความเร็วสูงโดยใช้ใยแก้วนำแสงเพื่อใช้เป็นสายสื่อสาร ไทยสาร เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2535 สำนักวิทยบริการ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้เช่าวงจร สื่อสารความเร็ว 9600บิตต่อวินาที จากการสื่อสารแห่งประเทศไทยเพื่อเชื่อมเข้าสู่อินเทอร์เน็ตที่ "บริษัท ยูยูเน็ตเทคโนโลยี ประเทศสหรัฐอเมริกา" ภายใต้ข้อตกลงกับ NECTEC ในการพัฒนาเครือข่ายอินเทอร์เน็ตของสถาบันอุดมศึกษาเพื่อร่วมใช้วงจรสื่อสาร จนกระทั่งในเดือนธันวาคมปีเดียวกันมีหน่วยงาน 6 แห่งที่ เชื่อมต่อแบบ On-lineโดยสมบูรณ์ ได้แก่ NECTEC ,จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ,สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย ,มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์,มหาวิทยาลัย สงขลานครินทร์ และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เครือข่ายที่ก่อตั้งมี ชื่อว่า "ไทยสาร" ( Thaisarn : Thai Social/scientific ,Academic and Research Network ) หรือ "ไทยสารอินเทอร์เน็ต" ในปี พ.ศ. 2536 NECTEC ได้เช่าวงจรสื่อสารความเร็ว 64 กิโลบิตต่อวินาทีจากการสื่สารแห่งประเทศไทยเพื่อ เพิ่มความสามารถในการขนส่งข้อมูล ทำให้ประเทศไทยมีวงจรสื่อสารระดับ ที่ให้บริการแก่ผู้ใช้ไทยสารอินเทอร์เน็ต 2 วงจร ในปัจจุบันวงจรเชื่อมต่อไปยังต่างประเทศที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ NECTEC ได้รับการปรับปรุงให้มีความ เร็วสูงขึ้นตามลำดับ นับตั้งแต่นั้นมาเครือข่ายไทยสารได้ขยายตัวกว้างขึ้น และมีหน่วยงานอื่นเชื่อมเข้ากับ ไทยสารอีกหลายแห่งในช่วงต่อ มากลุ่มสถาบันอุดมศึกษาประกอบด้วย สำนักวิทยบริการ จุฬาฯ ,สถาบันเทค- -โนโลยีแห่งเอเชีย,มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญได้ร่วมตัวกันเพื่อแบ่งส่วนค่าใช้จ่ายวงจร สื่อสาร โดยเรียกชื่อกลุ่มว่า "ไทยเน็ต" ( THAInet ) สมาชิกส่วนใหญ่ของไทยสาร คือ สถาบันอุดมศึกษา กับหน่วยงานราชการบางหน่วย งาน และ NECTECยังเปิดโอกาสให้กับบุคลากรของหน่วยงานราชการที่ยังไม่มีเครือข่ายภายในเป็นของตัว เองมาขอใช้บริการได้ แต่ทว่ายังมีกลุ่มผู้ที่ต้องการใช้บริการอินเทอร์เน็ตอีกเป็นจำนวนมาก ทั้งบริษัทเอกชนและบุคคลทั่วไปซึ่งไม่สามารถใช้บริการ จากไทยสารอินเทอร์เน็ตได้ ทั้งนี้เพราะไทยสารเป็นเครือข่ายเพื่อการศึกษาและวิจัยที่ใช้เงินงบประมาณอุดหนุนจากรัฐภาย ใต้ข้อบังคับของกฏหมายด้านการสื่อสารจึงไม่สามารถให้นิติบุคคลอื่นร่วมใช้เครือข่ายได้



รัก ๆ


หลับตาลงน่ะ…คนดี
คืนนี้มีนิทานจากฟากฝัน
เจ้าหญิงเม็ดทราย กับ เจ้าชายพระจันทร์
เธอเคยได้ฟังเรื่องราวเหล่านั้นบ้างไหม?
-  -  -  -  -  -
ครั้งหนึ่งในดินแดนแห่งโลกกว้าง
มีผืนทะเลอ้างว้างกับฟ้าใส
ทั้งสองอยู่ห่างกันเหมือนแดนฝันห่างไกล
ไม่อาจอยู่ใกล้ ไม่อาจผูกพัน
-  -  -  -  -  -
เจ้าหญิงเม็ดทราย…ช่างเหงา
แอบรัก เจ้าชายพระจันทร์เศร้า…ช่างฝัน
ในค่ำคืนเงียบสงบ ทุกวัน
เจ้าหญิงได้แต่มองอย่างเงียบงัน..เดียวดาย
-  -  -  -  -  -
ท้องทะเล ผู้อ่อนโยน
จึงทอดตัวไปจนไกลโพ้น..ลับหาย
จนปรากฎเส้นขอบฟ้า แสนไกล
จรดฟ้ากับทะเลไว้ใกล้กัน
-  -  -  -  -  -
เจ้าหญิงเม็ดทรายจึงล่องไปในทะเล
ร่อนเร่ไปตามแดนแห่งฝัน
ไปจนถึงเส้นขอบฟ้าจรดพระจันทร์
แล้ว ณ ที่นั้นความผูกพันก็เบ่งบาน
-  -  -  -  -  -
เจ้าหญิงเม็ดทราย เจ้าชายพระจันทร์
อบอุ่นในคืนวันอันอ่อนหวาน
และเรื่องราวที่เกิดขึ้นคือ..ตำนาน
ว่าทำไมฉันจึงผ่านเข้ามา…รักเธอ
(:ยังแคร์ จาก Thaipoem.com)


ที่มา : http://www.klonthai.com/category/%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81#ixzz1m08M0O00

Valentine


          ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี ถือเป็นวันสำคัญวันหนึ่งของชาวคริสต์ นั่นก็คือ วันวาเลนไทน์ นั่นเอง วันวาเลนไทน์ หรือ วันนักบุญวาเลนไทน์ หรือที่รู้จักกันว่า วันแห่งความรัก นั้น เป็นวันที่คู่รักจะบอกความในใจของกันและกัน อาจจะโดยการส่งการ์ด, มอบดอกไม้ หรือพากันไปท่องเที่ยวในสถานที่หวานแหววโรแมนติคสุดประทับใจ สำหรับในประเทศไทยเอง เทศกาลแห่งความรักนี้ก็ได้รับความนิยมแพร่หลาย ไม่ว่าจะในหมู่ชาวคริสต์ หรือชาวพุทธก็ตาม

          สำหรับประวัติวันวาเลนไทน์นั้น หลาย ๆ คนคงสงสัยว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร เหตุเป็นเพราะวันที่ 14 กุมภาพันธ์นั้น เป็นวันเสียชีวิตของนักบุญวาเลนไทน์ หรือเซนต์วาเลนไทน์ นักบุญแห่งความรักนั่นเอง นักบุญวาเลนไทน์ เป็นผู้ริเริ่มการจัดงานแต่งงานในยุคที่ไม่นิยมให้แต่งงานกัน เหตุเพราะในช่วงนั้น โรม ต้องประสบกับสงคราม จักรพรรดิคลอดิอุสที่สอง ต้องการเกณฑ์คนไปรบ แต่มีบุคคลจำนวนมากที่มีครอบครัว มีภรรยา มีคนรัก ต่างไม่อยากจะทิ้งครอบครัวไป ทำให้ จักรพรรดิคลอดิอุสที่สอง ตัดสินใจให้ยกเลิกการแต่งงานและการหมั้นทั้งหมดของชาวโรมันในยุคนั้นไปหมด อย่างสิ้นเชิง

           แต่นักบุญวาเลนไทน์กลับสวนกระแสของจักรพรรดิคลอดิอุสที่สอง ชักชวนคู่รักมาแต่งงานหลายต่อหลายคู่ จนโดนจับตัวไปขังเอาไว้ และในคุกที่คุมขังนักบุญวาเลนไทน์นั้น เขาได้พบรักกับสาวตาบอดนางหนึ่ง เมื่อโดนจับได้ นักบุญวาเลนไทน์จึงถูกนำตัวไปประหารในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ วันดังกล่าวจึงกลายมาเป็น วันวาเลนไทน์ วันที่ผู้คนจะรำลึกถึงนักบุญผู้อุทิศตนให้ความรักนั่นเอง






Bodyslam


bodyslam เป็นการรวมตัวกันของนักดนตรี(ส่วนหนึ่ง)ของวงละอ่อน ซึ่งเคยชนะเลิศการประกวด Hot Wave Music Award ครั้งที่ 1 และมีผลงานมาแล้วถึง 2 อัลบั้ม หลังจากนั้นสมาชิกในวงก็ได้แยกย้ายกันไปเรียนต่อ ตามความถนัดของแต่ละคน ทำให้วิถีการดำเนินชีวิตแตกต่าง และห่างกันไปโดยไม่ตั้งใจ
จนกระทั่ง"ตูน" นักร้องนำของวง ได้หวนกลับมาจับเครื่องดนตรี และเริ่มแต่งเพลงอีกครั้ง จากนั้นไม่นานก็ได้ "เภา" มาช่วยเพิ่มสีสันให้กับงานเพลง และ"ปิ๊ด" ก็กลับมาช่วยเพื่อนๆ ทำงานเพลงในรูปแบบใหม่ ซึ่งแนวดนตรีได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

จากป๊อป-ร็อค สมัยที่เป็นวงละอ่อน มาเป็นดนตรีร็อคหนักแน่น ในนาม bodyslam บวกกับเสียงร้องที่มีแบบฉบับของตัวเอง และฝีมือการโปรดิวซ์ของ พูนศักดิ์ คงมาลัย มือกีต้าร์จากวง Big Ass (ซึ่งเคยฝากผลงานไว้ในอัลบั้ม XL) ที่จะมาสร้างปฏิกิริยาความสนุก ความมันส์ ความซึ้ง ตอบสนองทางดนตรีให้คุณ

หลังจากที่ปล่อยเพลง "งมงาย" "อากาศ" และ "ย้ำ" ให้ฮิตไปแล้วทั่วประเทศ เมื่ออัลบั้มชุดที่แล้ว ภายในระยะเวลา 1 ปีให้หลัง สามหนุ่มก็กลับมาสร้างความแรงบนหน้าปัดวิทยุอีกครั้ง กับเพลง "ความซื่อสัตย์" เพลงโปรโมทแรกจากอัลบั้ม "Drive" (ไดร์ฟ) งานเพลงชุดที่ 2 ของพวกเขา จึงเป็นเสมือนดนตรีที่ถูกขับเคลื่อน มาจากความรู้สึก ที่บ่งบอกความเป็นบอดี้สแลมออกมาอย่างชัดเจน และลงตัวที่สุด ทั้งในเรื่องของแนวทางดนตรีและมุมมองของชีวิต

อัลบั้ม "Drive" จึงเป็นงานดนตรีที่มาจากตัวตน และฝีมือการทำงานทุกขั้นตอน ที่พร้อมจะให้คุณพิสูจน์ความสามารถของพวกเขากันได้ล้วนๆ
ผลงานในอดีต
ปี 2540อัลบั้ม ละอ่อน (วงละอ่อน)
ปี 2540อัลบั้มพิเศษ "เทพนิยายนายเสนาะ"
เพลงประกอบละคร (วงละอ่อน)
ผลงาน
ปี 2545อัลบั้ม bodyslam
ปี 2546อัลบั้ม DRIVE (ไดร์ฟ)




ที่มา  :  http://boomoatbum.myfri3nd.com/blog/2010/07/12/entry-1

ทอร์ก


  ทอร์กคือแรงที่พยายามจะหมุนมวล  คุณสามารถสร้างทอร์กได้ด้วยตนเองโดยการใช้ประแจขันน๊อต  แรงที่คุณกระทำกับด้ามจับ  คือทอร์กที่พยายามหมุนน๊อตให้แน่นนั่นเอง
       หน่วยอังกฤษของทอร์กคือ  ปอนด์ - นิ้ว  หรือ ปอนด์ - ฟุต  หน่วย  SI  คือ  นิวตัน -  เมตร   หน่วยของทอร์กเกิดจากแรงคูณด้วยระยะทาง  ถ้าคุณจะหาทอร์ก  คุณจะต้องคูณแรงที่กระทำกับระยะทางที่วัดห่างจากจุดหมุนในแนวตั้งฉาก ในกรณีของการขันน๊อต  ถ้าประแจมีด้ามยาว  1  ฟุต  และคุณออกแรงขนาด  200  ปอนด์  ในแนวตั้งฉากกับด้าม   ทอร์กที่คุณได้คือ  200  ปอนด์-ฟุต   แต่ถ้าคุณใช้ประแจที่มีด้ามยาว  2  ฟุต   คุณใช้แรงเพียง 100 ปอนด์เพื่อสร้างทอร์กขนาดเดียวกัน




ที่มา  :  http://www.rmutphysics.com/charud/howstuffwork/fpte/fptethai3.htm